ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น จากอุปทานตึงตัวหลังปิดซ่อมท่อขนส่งน้ำมันดิบในทะเลเหนือ

ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น จากอุปทานตึงตัวหลังปิดซ่อมท่อขนส่งน้ำมันดิบในทะเลเหนือ

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่ 12 ธันวาคม 2560

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังท่อขนส่งน้ำมันดิบในภูมิภาคทะเลเหนือของอังกฤษได้หยุดดำเนินการเพื่อซ่อมแซม ส่งผลให้ตลาดกังวลต่ออุปทานที่ตึงตัว เนื่องจากเป็นท่อขนส่งขนาดใหญ่ที่ส่งน้ำมันดิบได้กว่า 450,000 บาร์เรลต่อวันจากแหล่งในทะเลเหนือ และอาจมีการปิดซ่อมแซมเป็นเวลาหลายสัปดาห์

+ นักลงทุนมีความกังวลต่อความเสี่ยงด้านการเมือง หลังเกิดเหตุระเบิดที่สถานีรถบัสในย่านแมนฮัตตันของกรุงนิวยอร์กเมื่อเช้าวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น โดยการระเบิดส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 3 ราย และต้องระงับการเดินรถชั่วคราว

– นาย Essam al-Marzouq รัฐมนตรีน้ำมันของประเทศคูเวตได้ให้สัมภาษณ์ว่าทางกลุ่มโอเปกและกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบจะทำการศึกษาแนวทางในการสิ้นสุดการลดกำลังการผลิตก่อนจะมีการประชุมในเดือน มิ.ย. 2561

–  Baker Hughes รายงานปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 ธ.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2 แท่น มาอยู่ที่ 751 แท่น แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 2560 บ่งชี้ว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปริมาณการผลิตปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 15% เมื่อเทียบกับช่วงกลางปี 2559

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากตลาดน้ำมันเบนซินอยู่ในระดับสมดุล อย่างไรก็ดี ยังมีแรงหนุนจากอุปสงค์ในภูมิภาค โดยเฉพาะจากประเทศศรีลังกา

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในภูมิภาคตะวันออกกลางและเอเชีย โดยเฉพาะจากประเทศอินเดียที่ยังอยู่ในระดับสูง

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 55-60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 62-66  เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับเหนือ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยการปรับเพิ่มขึ้นหลักๆ มาจากการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale oil) ซึ่งคาดการณ์ในเดือนธ.ค. 60 ปริมาณการผลิตจะปรับเพิ่มขึ้นราว 80,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา สู่ระดับ 6.174 ล้านบาร์เรลต่อวัน และในสัปดาห์ล่าสุด ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯปรับเพิ่มขึ้นราว 25,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับในสัปดาห์ที่ผ่านมา สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 9.71 ล้านบาร์เรลต่อวัน

จับตาการปิดซ่อมบำรุงฉุกเฉินของท่อขนส่งน้ำมันดิบ Keystone กำลังการขนส่งราว 590,0000 บาร์เรลต่อวัน ว่าจะกลับมาดำเนินการตามปกติเร็วๆ นี้หรือไม่ หลังท่อขนส่งน้ำมันดิบ Keystone ต้องหยุดดำเนินการชั่วคราว เนื่องจากตรวจพบการรั่วไหลของน้ำมันราว 5,000 บาร์เรล ในพื้นที่ South Dakota ซึ่งการเปิดท่อขนส่งน้ำมันดิบจะส่งผลให้ปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จากแคนาดาปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้ง และอาจทำให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นได้

ความสัมพันธ์ระหว่างเวเนซุเอลากับจีนมีความตึงเครียดมากขึ้นและอาจส่งผลให้เวเนซุเอลาเผชิญกับภาวะวิกฤตของเศรษฐกิจในปีหน้า หลังบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนมีการฟ้องร้องบริษัทน้ำมันของเวเนซุเอลาที่ไม่สามารถชำระหนี้ตามข้อตกลง ซึ่งอาจส่งผลต่อการเจรจาต่ออายุเงินกู้ยืมและหนี้สินกับประเทศจีน

Credit : http://www.thansettakij.com